5 สิ่งที่เรียนรู้จากการลงทุนใน Cryptocurrency
จากสถานการณ์ราคาของ Cryptocurrency ในช่วงนี้ น่าจะสร้างความตกใจและกังวลใจให้กับนักลงทุนหน้าใหม่หลายๆ คน วันนี้ทางเพจเราอยากมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับ Cryptocurrency เพื่อสร้างการรับรู้ให้มากขึ้นสำหรับผู้ที่ทั้งสนใจลงทุน หรือเป็นมือใหม่ที่เริ่มลงทุนไปแล้ว มาลองดู 5 หัวข้อต่อไปนี้กัน หวังว่าผู้ลงทุนทุกท่านจะได้ความรู้หรือมุมมองจากบทความนี้
1.ความผันผวน
หากเรามอง Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (ไม่ขอมองเป็นสกุลเงินที่นำมาใช้จ่ายได้จริงในอนาคต เพราะน่าจะยาก รวมถึงใช้เวลานานพอสมควรหากจะเป็นจริงได้) ต้องยอมรับว่าความผันผวนของ Cryptocurrency นั้นอยู่ในระดับที่สูงมากๆ สถิติจาก Bloomberg พบว่า Bitcoin ซึ่งถือเป็นสกุลหลัก เคยพบกับการปรับตัวลงเกิน 30% ถึง 15 ครั้งในรอบ 10 ปี โดยบางครั้งราคาติดลบถึง -80%
ถ้านักลงทุนเคยลงทุนในหุ้นไทย จะพบว่าตลาดหลักทรัพย์มีการกำหนดเพดานการซื้อขายของหุ้นทุกตัวอยู่ที่ +- 30% (ช่วงโควิดระบาดบางเวลาปรับลดเหลือ 15%) ยกเว้นหุ้นราคาหลักจุดทศนิยม (0.0X) ซึ่งการปรับตัว 1 ช่องจะเกินกว่า 30% หรือหุ้น IPO ที่เข้าซื้อขายวันแรก ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกัน Cryptocurrency จะสร้างความหวาดเสียวให้กับนักลงทุนมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นแน่นอน
2.ข้อมูลสถิติ
Cryptocurrency ถือกำเนิดมาในเวลาที่สั้นมากเทียบกับสินทรัพย์ตัวอื่นๆ ดัชนี Dow Jones ของสหรัฐฯ มีอายุกว่า 125 ปี (คำนวณครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1896) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยหรือปู่ SET มีอายุ 46 ปี หรือแม้กระทั่งดัชนี MAI ซึ่งเป็นดัชนีน้องใหม่ของไทย ที่เป็นดัชนีสำหรับบริษัทสไตล์ SME หรือมีขนาดไม่ใหญ่มากก็ยังมีอายุถึง 19 ปี ส่วน Cryptocurrency ที่มีมูลค่าสูงที่สุดอย่าง Bitcoin นั้นมีอายุเพียงประมาณ 14 ปี ทำให้การดูสถิติย้อนหลังต่างๆ นั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ยาวนานพอ เมื่อเทียบกับหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ
3.การประเมินมูลค่าพื้นฐาน
สินทรัพย์ต่างๆ โดยทั่วไปมักจะมีการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเทียบกับราคาตลาด อาทิ การลงทุนในหุ้น ก็จะมีการประเมินด้วยวิธี DCF, DDM, SOTP หรือ P/E ratio เป็นต้น การลงทุนในตราสารหนี้ เราสามารถหา PV ได้โดยการ Discount กระแสเงินสดที่ได้รับในอนาคตกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน Call/ Put Option สามารถคำนวณได้ด้วยวิธีที่เรียกว่า Black School Model สำหรับ Cryptocurrency เนื่องด้วยความที่ตัวมันเองไม่ได้เป็นกิจการที่มีผลกำไรขาดทุน (ไม่นับบริษัทที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น Coinbase หรือ Bitkub ในบ้านเรา) ไม่ได้มีการจ่ายปันผล
ดังนั้นการประเมินมูลค่าไม่สามารถทำได้เหมือนเช่นสินทรัพย์อื่น เช่นเดียวกันกับทองคำที่ก็ไม่ได้มีกำไร และการจ่ายปันผลเช่นเดียวกัน แต่ทองคำมีจุดแตกต่างที่สำคัญกับ Cryptocurrency คือทองคำเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องประดับ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นอีกมากมาย ซึ่งตรงนี้หากมองในแง่การนำมาใช้งาน ต้องยอมรับว่าทองคำสามารถจับต้องได้มากกว่า
4.การซื้อขาย
การซื้อขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่จะมีวันหยุดทำการซื้อขายในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ อาจจะมีบางตลาดที่มีการซื้อขายต่างจากประเทศอื่น เช่น ตลาดหลักทรัพย์ของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเปิดทำการวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัส ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน ยังมีช่วงหยุดพักการซื้อขาย แต่ Cryptocurrency นั้น คุณสามารถซื้อขายได้ 24 ชม. ดังนั้น บางครั้งจังหวะที่ราคาขึ้นลง ในจุดที่คุณอยากซื้ออยากขาย อาจจะอยู่ในช่วงเวลาที่คุณกำลังหลับฝันดี ถึงแม้จะสามารถตั้งราคาล่วงหน้าได้
อย่างไรก็ตาม การที่ไม่ได้ติดตาม sentiment ตลาดอย่างใกล้ชิด อาจจะทำให้การตั้งราคาล่วงหน้านั้น มากหรือน้อยเกินไปพอสมควรได้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องตลาดหรือแพลตฟอร์มการซื้อขาย Cryptocurrency แม้จะมีแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่าง Coinbase แต่ก็มีแพลตฟอร์มบางแห่งที่ปิดตัวลงและสร้างความเสียหายให้กับผู้ลงทุน เช่น Thodex แพลตฟอร์มการซื้อขายจากประเทศตุรกี ได้ปิดทำการซื้อขาย รวมถึงมีรายงานว่า CEO ของบริษัทได้หนีไปประเทศแอลเบเนีย พร้อมเงินของผู้ลงทุนจำนวนราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้กระทั่งแพลตฟอร์มในไทยเรา ยังมีบางช่วงเวลาที่ผู้ควบคุมกฏได้ขอให้แพลตฟอร์มหยุดรับผู้ลงทุนรายใหม่ เนื่องจากการเข้ามาใช้งานจำนวนมากของนักลงทุนรายใหม่ ทำให้ไม่สามารถดูแลผู้ลงทุนทั้งหมดได้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพเพียงพอ
5.การยอมรับ
ต้องยอมรับว่ามุมมองของผู้เชี่ยวชาญหรือนักลงทุนระดับมีมุมมองที่แตกต่างกันสิ้นเชิงต่อ cryptocurrency ฝั่งที่มีมุมมองเชิงลบ เช่น Warren Buffet นักลงทุน VI ชื่อดัง Michael Burry นักลงทุนผู้ทำกำไรจำนวนมากได้จากวิกฤติ Hamburger Crisis รวมถึงล่าสุด อดีตเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ Paul Krugman ที่ออกมากล่าวว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา
ลองมาฝั่งผู้ที่มีมุมมองเชิงบวกบ้าง เช่น Elon Musk เจ้าของบริษัท Tesla ที่ดูจะโปรดปรานเหรียญ Dogecoin เป็นพิเศษ รวมไปถึง Jack Dorsey CEO ของ Twitter และ Michael Saylor CEO ของบริษัท MicroStrategy ซึ่งมีสัดส่วนการถือ Bitcoin สูงอันดับต้นๆ ในโลก หลายๆ คนมองว่าแม้การนำเหรียญ Cryptocurrency มาใช้จ่ายแทนสกุลเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะทำได้ยาก แต่ Cryptocurrency บางสกุล อาจจะกลายมาเป็นที่สะสมมูลค่าได้ ในลักษณะเดียวกับทองคำ
หากมาดูระดับมหภาค จะเห็นว่าบางประเทศเริ่มมีนโยบายในเชิงลบต่อ Cryptocurrency เช่น อินเดีย หรือล่าสุดคือจีน ส่วนบางประเทศเช่น สหรัฐฯ มีรายงานว่าจะให้ผู้ที่โอนเหรียญ Cryptocurrency มูลค่าเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องทำการรายงานกับทางการ ซึ่งแม้อาจจะกระทบต่อการทำธุรกรรมการโอนบ้าง แต่หลายฝ่ายมองว่าจะทำให้ Cryptocurrency ดูเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายมากยิ่งขึ้น

จะเอายังไงกันดี
คงยากที่เราจะหาบทสรุปว่าอนาคตของ Cryptocurrency จะเป็นไปในทิศทางไหนได้อย่างแน่ชัด แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นได้ชัดเจน คือ ความผันผวน ความไม่แน่นอน รวมถึงอนาคตที่อาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกระยะหนึ่ง
สิ่งที่ทางแอดมินอยากจะแนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจเข้ามาลงทุนในตลาด Cryptocurrency (ในฐานะที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่สนใจติดตามอ่านบทความที่เกี่ยวข้องบ่อยๆ) คือ ให้ลองลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่เยอะ ไม่ควรเอาเงินมาลงทุนในสัดส่วนที่มากจนเกินไป หรือไม่นำเงินลงทุนที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ระยะเวลาในนานมาลงทุน
นอกจากนี้ ด้วยปัจจุบันข้อมูลข่าวสารที่สามารถหาอ่านได้สะดวกมากๆ ในหลายช่องทาง อยากให้ผู้ที่สนใจ หาข้อมูลเกี่ยวกับ Cryptocurrency ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นข้อมูลช่วยในการลงทุนของเรา โดยเหรียญ Cryptocurrency แต่ละเหรียญ จะมีหนังสือชี้ชวนที่เรียกว่า White Paper ซึ่งจะเป็นภาษาต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เราอาจจะลองอ่านบางส่วนเท่าที่เราเข้าใจ เพื่อเป็นข้อมูลให้เรารับทราบอีกทางหนึ่ง
ส่วนคนที่ลงทุนไปแล้วสามารถกำไร ขออย่าให้ประมาท ขณะผู้ที่ขาดทุน อย่าเพิ่งท้อ และอย่ารีบเอาคืน เราอาจจะเสียหายหนักกว่าเดิม ให้ปิดจอไปเลยถ้าทำได้ หรือติดตามให้น้อยลง แล้วทำการศึกษาหาข้อมูลให้มากที่สุด ลองอดทนกับความผันผวนในระดับรถไฟเหาะดู เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยในเรื่องจิตใจสำหรับการลงทุนของเราในสินทรัพย์อื่น รวมถึงช่วยฝึกความนิ่งของเราในมุมอื่นของชีวิตด้วย
1 Response
[…] เมื่อ PayPal ขยายบริการซื้อขาย cryptocurrency จากเดิมที่ให้บริการในสหรัฐฯ […]