ลงทุนบิทคอยน์ดีไหม

ลงทุนบิทคอยน์ดีไหม? คำถามนี้ เริ่มได้ยินหนาหูขึ้นในช่วงนี้คำตอบที่จะให้กลับไปก็คือ
ลงทุนได้นะ ถ้าคิดว่ารู้จักมันดีพอแล้ว
ลงทุนได้นะ แต่ไม่ใช่เทหมดหน้าตัดไปกับมัน
ไม่ต้องขายนา ขายที่ ขายบ้าน ขายรถไปลงทุนนะ
เอาให้พอดี แค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ของพอร์ตลงทุนก็พอ
แต่ก่อนอื่นเลยนะ วนกลับไปที่คำตอบแรกที่บอกว่า ลงทุนได้นะ ถ้าคิดว่ารู้จักมันดีพอ

ที่บอกอย่างนี้ ก็เพราะว่า การลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น โดยเฉพาะลงทุนไปกับอะไรที่เราไม่รู้ เสี่ยงยิ่งกว่าลงทุนในสิ่งที่รู้และเข้าใจ
ดังนั้น ถ้าคิดจะลงทุนบิทคอยน์ ศึกษาก่อนว่า บิทคอยน์ที่เค้าพูดถึงกันน่ะ มันคืออะไร

อธิบายกลมๆ คือ บิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่เราไม่สามารถสัมผัส จับต้องได้แบบเงินจริง
ซึ่งปัจจุบันสามารถนำไปแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าจริงได้ ถ้าร้านค้า หรือผู้ประกอบการรายนั้นๆ ยอมรับ
ราคาค่างวดของบิทคอยน์นั้นมีความผันผวนสูงมาก ขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและขายในตลาดเป็นหลัก
ที่สำคัญ คือ จะเหวี่ยงแรงมากๆ หากวันนั้นมีข่าวเชิงบวกหรือลบออกมา จากกระแสความเคลื่อนไหวฝั่งทางการ หรือว่าฝั่งบริษัทยักษ์ใหญ่

คราวนี้ เรามาอธิบายต่อกันดีกว่าว่า บิทคอยน์ มันเกิดมาตอนไหน แล้วมันมีอะไรกันนักกันหนา คนถึงต้องไปให้ค่า

อ้างอิงการให้ความหมายจากเว็บไซต์ Investopedia ระบุว่า บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่สร้างขึ้นมาเมื่อเดือน ม.ค. 2009
บิทคอยน์ เกิดขึ้นจากไอเดียที่มีใครคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันในนามสมมติว่า Satoshi Nakamoto ที่คิดขึ้นมาแล้วเผยแพร่ผ่าน whitepaper แปลไทยตรงๆ ก็คือสมุดปกขาว (จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า ตกลงแล้ว Satoshi Nakamoto เป็นใคร)

แนวคิดของบิทคอยน์คือ ต้องการนำเสนอการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เสียค่าธรรมเนียมถูกกว่าการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิม เป็นสกุลเงินที่ไม่ได้ออกโดยรัฐบาล ไม่มีสินทรัพย์อะไรหนุนหลัง ซึ่งต่างจากเงินสกุลท้องถิ่นอย่างดอลลาร์สหรัฐ หยวน หรือบาท ที่ต้องมีทองคำ หรือสกุลเงินต่างๆ หนุนหลังอยู่ และไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล ไม่มีใครมีอำนาจเป็นศูนย์กลางในการควบคุมดูแล เพราะการดูแลบิทคอยน์จะใช้วิธีกระจายอำนาจให้คนหลายๆ คน ซึ่งเป็นคนที่คุณไม่รู้ว่าใคร ทำหน้าที่ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องและอนุมัติการทำธุรกรรม

การจัดเก็บบิทคอยน์นั้น จะอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคนที่คุณก็ไม่รู้ว่าใครนั่นแหละ ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและอนุมัติการทำธุรกรรมตามที่เรากล่าวไปข้างต้น คนเหล่านี้ถูกเรียกว่าเป็น “นักขุด” ทำหน้าที่เหมือนเป็นคนไปตามล่าหาแร่ทองคำ เมื่อมีความต้องการอยากได้แร่ทองคำเพิ่ม พวกเขาก็จะเร่งทำงานเพื่อตามหามา เพียงแต่พวกเขาไม่ต้องเดินทางไปไหน แค่มีคอมพิวเตอร์ที่มีระบบประมวลผลแรงๆ ก็สามารถขุดได้แล้ว

บิทคอยน์จะจัดเก็บไว้ใน blockchain จะเอาบิทคอยน์แต่ละเหรียญออกมาได้ ต้องให้เหล่านักขุดใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล คิดแล้วคิดอีก ตีโจทย์ให้แตกเพื่อปลดล็อคเข้าไปล้วงบิทคอยน์ในบล็อคให้ได้ พอปลดล็อคได้แล้ว ก็ได้ค่าตอบแทนเป็นบิทคอยน์จำนวนหนึ่งไป แล้วในระบบก็จะเกิดบล็อคใหม่ขึ้นมา รอให้ปลดล๊อคอีกในอนาคต ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อ blockchain หรือบล็อคที่ต่อกันเป็นลูกโซ่นั่นเอง

กล่าวง่ายๆ ก็คือ อยากจะได้บิทคอยน์ไว้ครอบครอง ถ้าไม่ไปซื้อขายในตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี ก็ต้องเป็นนักขุดนี่แหละ

มีอีกหนึ่งเรื่องที่คนอยากจะซื้อขายบิทคอยน์ควรรู้ไว้ ก็คือ แนวคิดตั้งต้นของ Satoshi นั้น ระบุว่า บิทคอยน์จะมีทั้งหมดเพียง 21 ล้านบิทคอยน์ ที่สามารถจุดออกมาได้ ซึ่งก็มีการคาดการณ์ว่า ณ วันที่ 30 ม.ค. 2021 ที่ผ่านมา มีบิทคอยน์ที่ถูกขุดออกมาแล้วทั้งหมด 18,614,806 บิทคอยน์ และยังเหลือให้ขุดออกมาได้อีกแค่ 2,385,193 บิทคอยน์เท่านั้น ด้วยเหตุที่จำนวนมีจำกัดนี้เอง จึงเป็นที่มาของราคาที่สูงขึ้นมากๆ เมื่อช่วงใดมีความต้องการเข้ามามากๆ

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วรู้สึกว่า ฉันยังรู้จักบิทคอยน์ไม่ดีพอ แนะนำว่า ลองไปอ่านเพิ่มเติมอีกได้ที่ https://www.investopedia.com/terms/b/bitcoin.asp

อย่าลืมว่า อยากลงทุน ต้องรู้จักก่อน และที่สำคัญก็คือ ต้องรู้ไว้ด้วยว่า ในประเทศไทย มีผู้ประกอบการรายไหนบ้างที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ได้ โดยไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sec.or.th/digitalasset

จำไว้ว่า ไม่รู้อย่าลงทุน รู้แล้วก็อย่าทุ่มหมดตัว ลงทุนได้นะ แต่ระวังด้วยแหละ

Story by จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์